วิธีการเลือกซื้อ เป้, กระเป๋า หรือ Backpack – Siam backpack Shop (May’13)

สวัสดีครับทุกท่าน ในวันนี้ Siam backpack Shop มีบทความรู้ดีๆเรื่องเกี่ยวกับ การเลือกซื้อ เป้ กระเป๋า และ Backpack มาฝากกันอีกแล้ว

           หลายๆท่าน คงทราบ ณปัจจุบัน ในตลาดทั่วไปมี  เป้, กระเป๋า หรือ Backpack ดีๆ อยู่หลายยี่ห้อ (ยกตัวอย่างเช่นDeuter, Osprey, The North Face, Columbia, Quechua, Moutainsmith และ อื่นๆอีกมากมาย) ผู้ผลิตแต่ละราย ก็ล้วนแล้วแต่ทุ่มเท ค้นคว้า ออกแบบและผลิต  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่มีคุณภาพออกมาทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackแต่ละใบนั้น ต่างก็เหมาะสำหรับผู้ใช้แต่ละคนแตกต่างกันออกไปนั่นเอง

           ดังนั้น   เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่ดีคือ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่เราสะพายแล้วรู้สึกสบายที่สุด นอกจากเราควรจะต้องลองสะพาย  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackด้วยตัวเองในเวลาเลือกซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเหมาะสมกับตัวเราแล้วนอกจากนี้ยัง

มีข้อควรพิจารณาอื่นๆ อีกหลายอย่าง ดังนี้

1. ความจุของตัว  เป้, กระเป๋า หรือ Backpack (Capacity of the Pack)

 ก่อนอื่น ในการเลือกซื้อ Siam backpack แนะนำว่าท่าน ควรจะต้องรู้ว่า ท่านมักจะเดินทางท่องเที่ยวลักษณะใด เดินทางระยะสั้นหรือเดินทางครั้งละเป็นสัปดาห์ สภาพอากาศหนาวหรือร้อน จำเป็นต้องเอาอุปกรณ์กันหนาวหรืออุปกรณ์พิเศษอื่นๆติดตัวไปด้วยหรือไม่ หรือ ท่านต้องแบกอุปกรณ์ทำครัวหรือของส่วนกลางมากน้อยเพียงใด  

แต่ข้อสำคัญอย่างหนึ่งคือ ไม่ควรซื้อ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpack ที่มีขนาดใหญ่ หรือ เล๊ก จนไม่เหมาะสม กับความต้องการ เพราะโดยทั่วๆ ไปแล้ว ธรรมชาติของคนเราหากมีที่เหลือก็มักจะใส่ของเพิ่มเข้าไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มซึ่งอาจจะทำให้คุณต้องแบกสัมภาระหนักเกินไปทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นมากมายเลยหรือ ไม่สามารถ หอบหิ้วอุปกรณ์ สิ่งจำเป็นบางอย่างในการเดินทางได้ครบถ้วน ดังนั้นลองมาดูตารางเปรียบเทียบ ความจุ ความจำเป็นและ ระยะเวลาการเดินทางในแต่ล่ะทริปของท่านดูน่ะครับ

20-50 ลิตร - เป้, กระเป๋า หรือ Backpackขนาดนี้เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในระยะสั้นๆ เช่น การท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือการท่องเที่ยวไปในเส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องแบกอุปกรณ์พิเศษอะไรเข้าไปมากนัก นอกจากถุงนอนใบเล็กๆ เต็นท์หรือเปล และอุปกรณ์ทำอาหารทั่วๆ ไป

50-60 ลิตร - สำหรับคนที่ต้องการเดินทางมากกว่าในระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน ควรจะลองพิจารณา  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackขนาดนี้ดูเพราะเพียงพอที่จะใส่อุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในช่วงเวลานั้นๆ ได้ และ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackไซส์นี้ก็เป็นที่นิยมสำหรับผู้หญิงที่จะใช้ในการเดินทางหลายๆ วันด้วยเช่นกัน

60-80 ลิตร - สำหรับคนที่ต้องการเดินทางมากกว่าในระยะเวลาประมาณ 2-5 วัน ควรจะลองพิจารณา  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackขนาดนี้

80+ ลิตร - เป้, กระเป๋า หรือ Backpackขนาดใหญ่นี้ เหมาะสำหรับที่จะใช้บนเส้นทางที่ยาวนานเป็นสัปดาห์ขึ้นไป หรือสำหรับผู้ที่ต้องเตรียมถุงนอนใบใหญ่หรือเสื้อกันหนาวหนาๆ ไปด้วย แต่สำหรับอากาศในบ้านเราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackขนาดใหญ่ขนาดนี้ก็ได้

2. ระบบช่วยในการสะพายและโครงของ เป้, กระเป๋า หรือ Backpack  Suspensionsand Frames)

 เป้, กระเป๋า หรือ Backpackบางรุ่นจะสามารถปรับระดับได้ ระบบที่ช่วยในการสะพาย  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackนี้ประกอบไปด้วยบริเวณที่สำคัญสองส่วนคือสายสะพายบ่า (Shoulder Straps) และสายรัดสะโพก (Hip Belts)   

เป้, กระเป๋า หรือ Backpackธรรมดาทั่วๆ ไปหรือ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackเดินทางสมัยก่อนมักจะมีสายสะพายบ่ากับสายรัดสะโพกที่ตายตัว แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตได้ก้าวหน้าไปมาก ผู้ผลิตต่างก็พยายามพัฒนา  เป้, กระเป๋า หรือ Backpack เดินทางของตนให้ล้ำหน้าและเหมาะกับการใช้งานมากขึ้น 

มีผู้ผลิตหลายรายที่ผลิต  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackเดินทางที่สามารถปรับระดับสายสะพายบ่าและสายรัดสะโพกให้เหมาะกับผู้ใช้ได้ดีมากขึ้น ระบบที่สามารถปรับสายสะพายบ่าได้นี้แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ

1) เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่สามารถปรับระดับได้เต็มที่ (FullyAdjustable Suspension) ซึ่งเราจะสามารถเลื่อนระดับสายสะพายบ่าขึ้นลงในระดับใดก็ได้ให้พอเหมาะกับขนาดลำตัวของเราได้เป็นอย่างดี โดยมักจะปรับระดับลำตัวได้ตั้งแต่14 – 21 นิ้ว

2) เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่สามารถปรับระดับได้ตามช่วงที่กำหนดไว้ (Certain Size Ranges) ซึ่งมักจะแบ่งออกเป็นขนาดเล็ก(14-16 นิ้ว) กลาง (17-19 นิ้ว) และใหญ่ (20 นิ้วขึ้นไป)

   นอกจากนี้ ผู้ผลิตบางรายยังได้มีการผลิต เป้, กระเป๋า หรือ Backpackแบบพิเศษสำหรับคนที่มีขนาดลำตัวไม่มาตรฐาน โดยอาจจะมีความยาวลำตัวมากกว่าคนปกติหรือน้อยกว่าคนปกติมากๆ ด้วยเช่นกัน

3. ขนาดความยาวของลำตัว (TorsoSize)

          เหตุที่เราจำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องขนาดความยาวของลำตัวของเราในเวลาเลือกซื้อ เป้, กระเป๋า หรือ Backpackด้วยนั้น ก็เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้ผลิตมักจะออกแบบ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackมาให้ช่วยในการผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ หากเราใช้  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่มีขนาดใหญ่เกินไป จะทำให้สายรัดสะโพกไม่อยู่ในระดับที่ควรจะเป็น คือจะอยู่ต่ำกว่าสะโพกเรามากเกินไปซึ่งจะทำให้ไม่ช่วยในการผ่อนน้ำหนักได้เลย และอาจจะยังทำให้  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackกระแทกหลังเราตลอดเวลาที่เดินอยู่ด้วย หาก  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackมีขนาดเล็กเกินไป สายสะพายบ่าก็อาจจะรัดช่วงบ่าเนื่องจากความกว้างช่วงบ่าอาจจะเล็กเกินไปจนทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ และ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackอาจจะรั้งและถ่วงไปด้านหลังมากเกินไปอีกด้วย

          โดยปรกติแล้วความยาวของลำตัวตามมาตรฐานของ เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่มีจำหน่ายจะมีอยู่ 4 ขนาดคือ

ขนาดเล็กมาก ไม่เกิน 15 นิ้ว

ขนาดเล็ก ไม่เกิน 17 นิ้ว

ขนาดกลาง 18-19 นิ้ว

ขนาดใหญ่ มากกว่า  20 นิ้ว

ทดลองปรับระดับการสะพาย เป้, กระเป๋า หรือ Backpack (Adjusting the Suspension)

4. ตำแหน่งสายรัดสะโพก

          เมื่อคุณไปเลือกซื้อ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่ร้าน จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทดลองสะพายดูด้วย ร้านที่ดีจะต้องอนุญาตให้ลูกค้าทดลองสะพาย เป้, กระเป๋า หรือ Backpackและต้องมีหมอนหรืออุปกรณ์บางอย่างมาทดลองใส่  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackให้เราได้ทดสอบกับน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับเวลาเดินทางจริงด้วย สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องทดสอบก็คือสายรัดสะโพก   เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่เหมาะกับตัวเราจะต้องมีสายรัดสะโพกที่สามารถรัดได้พอดีกับระดับกระดูกเชิงกราน ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของ  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackได้ถ่ายเทมาที่สะโพกของเรา ไม่ไปตกเป็นภาระหนักอยู่ที่บ่าของเราเพียงที่เดียว หากระดับของสายรัดสะโพกอยู่สูงหรือต่ำเกินไปก็จะเกิดผลเสียดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ 3

5. สายสะพายบ่า (Shoulder Straps)

          ส่วนที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือสายสะพายบ่า ควรจะเลือก  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackที่เมื่อลองสะพายดูแล้ว สายสะพายแต่ละข้างอยู่ในระดับกึ่งกลางกระดูกไหปลาร้าพอดี หาก  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackมีช่วงกว้างที่แคบเกินไปจะทำให้เมื่อสะพายแล้วสายสะพายบ่าจะอยู่ชิดกับคอมากเกินไป จะรู้สึกรำคาญในขณะเดินและยังทำให้ปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่าอีกด้วย หาก  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackมีช่วงกว้างมากเกินไปก็อาจจะทำให้  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackมักจะเลื่อนหลุดได้ง่ายๆ และยังไม่ช่วยรับน้ำหนักได้อีกด้วย

6. วัสดุที่ใช้ทำ เป้, กระเป๋า หรือ Backpack (Materials)

          วัสดุที่ใช้ผลิต  เป้, กระเป๋า หรือ Backpackส่วนใหญ่มักจะเป็นวัสดุที่กันน้ำ และจะต้องเป็นวัสดุที่แข็งแรงทนทานแต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีน้ำหนักเบาอีกด้วย ที่นิยมกันมากคือ Cordura และ Ripstop ซึ่งแบบ Ripstop นี้ หลายๆ คนลงความเห็นว่ามีความแข็งแรงทนทานต่อการขีดข่วนได้มาก สำหรับในบริเวณที่คาดว่าจะมีการขีดข่วนหรือเสียดสีมากๆ ก็จะเปลี่ยนไปใช้ไนล่อนที่มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นไปอีกเช่น Iron cloth, Spectra และ Pack Cloth นอกจากนี้   เป้, กระเป๋า หรือ Backpackส่วนใหญ่ยังมีบางบริเวณที่ทำจากตาข่ายยืดหรือโฟมที่มีการระบายอากาศสูง เพื่อช่วยให้แผ่นหลังของเรามีการระบายอากาศได้ดีขึ้นแล้วความแข็งแรง ทนทาน ของวัสดุที่ทำกระเป๋าล่ะ เห็นทำจาก Nylon 1000D บ้าง, 600D บ้าง หรือ BallisticsPhthalate-free TPE 1680D ค่า D บอก ยังไงน่ะ???

                Denier คือหน่วยวัดความแข็งแรงของผ้าที่จะนำมาทำกระเป๋า โดย Denier เป็นหน่วยของการวัดขนาดเส้นใยที่ใช้ในการทอผ้าค่า D (Dinier)ยิ่งมากจะทำให้ผ้าหนักขึ้น โดยวัดจากน้ำหนักต่อความยาวของเส้นใยแต่ล่ะชนิดตามมาตราฐานสิ่งทอที่ทั่วโลกใช้กำหนด

            สำหรับวัสดุที่นำมาทอเป็นผ้าก็ให้ความแข็งแรงต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น Polyester 1800 Denier แข็งแรงกว่า Polyester 1200 Denier แต่ Polyester 1800 denier  แข็งแรงน้อยกว่า Ballistic nylon 1050 Denier  ในกรณีที่เลือกใช้กระเป๋าเดินทางแบบผ้า Denier ยิ่งมากจะทำให้ผ้าหนักขึ้น

ที่สำคัญครับ ในการเดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินจะไม่ยอมรับความเสียหายกับกระเป๋าเดินทางที่ทำด้วยผ้า 600-700 denier อย่าลืมเลือกให้มากกว่า 700-denier นะครับ

            จะซื้อให้คุ้มค่า ก็ต้อง หาร้านที่มีความรู้ แล้ว จะได้ กระเป๋า ดีๆ อย่าง Siambackpack Shop ที่เรา สรรหา เป้ กระเป๋า Backpack ที่ ถูก ดี และมีคุณภาพมาให้ท่านในราคาที่เหมาะสม ที่สุดครับ

Rewrite By Nop Siambackpacks.com  © หญิงเหล็ก , Mar 2003